l o m b o g
ลมบกพัดออกทะเล

นิราศเลยเถิด November 26, 2012

นิราศเลยเถิด เป็นสารคดีร่วมสมัยที่เปรียบได้กับหนัง Road Movie ที่มีการเดินทางและจุดหมายเป็นตัวขับเคลื่อน ทว่าสิ่งที่พบเจอระหว่างทางก็อาจจะสำคัญไม่แพ้กัน
หนังสือเล่มนี้คือผลงานเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดประเภทสารคดีประจำปี พ.ศ.2555 เป็นงานแนววรรณกรรมเดินทางที่ได้รับการจัดพิมพ์ในนามแพรวสำนักพิมพ์
‘ลมบก’ เคยมีผลงานมาแล้วจาก ‘เจ แปน สเปค ตีบ’ และ ‘คันไซ ไม่ต้องเกา’ สองสารคดีท่องเที่ยวเชิงสถาปัตยกรรมที่มีความแตกต่างและเป็นตัวเองสูง..และนี่คืออีกหนึ่งสารคดีแนวใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร

แพรวสำนักพิมพ์ //กันยายน 2555

No Comments on นิราศเลยเถิด
Categories: Uncategorized

เที่ยวไทย ๕๕๕ August 7, 2011

โปรเจคพิเศษที่เป็นการ ‘ฟีจะริ่ง’กันระหว่าง ‘ลมบก’ และผองเพื่อนกลุ่ม ‘ฮิกาซีน’

โดยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

‘เที่ยวไทย ๕๕๕ ‘ คือบันทึกประสบการณ์การเดินทาง Roadtrip และภาพถ่ายของ ‘ลมบก’

ผสมกับสไตล์การเล่าเรื่อง ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ ‘ฮิกาซีน’

จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนออกเดินทางคือ 15 แหล่งท่องเที่ยวในประเทศ

กลับลุกลามบานปลายกลายเป็น การเดินทาง ‘ขับ-ถ่าย’ ทั่วประเทศไทย

เป็นระยะเวลา 55 วัน รวมระยะทางมากกว่า 12,000 กิโลเมตร

Powered by Cincopa WordPress plugin

No Comments on เที่ยวไทย ๕๕๕

นิราศเลยเถิด June 26, 2011

26 มิถุนายน เป็นวันสุนทรภู่

จึงไปขุดเอากลอนนิราศที่เขียนไว้ตอนไปเที่ยว ‘เมืองเลย’ เมื่อปีที่แล้ว ขึ้นมาอวด

นิราศเลยเถิด

@ อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก   แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย

ถึงปากชมใจคิดเชือดให้วางวาย   เจ็บจนตายไม่เท่าเหน็บเจ็บใจเรา

จาก ปากชม ลัดเลาะเลียบลำน้ำโขง   มีลำโพงเปิดเพลงไว้ให้คลายเหงา

เดินทางไกลฉายเดี่ยวเชียวนะเรา   ซ่อนความเศร้าซุกโศกไว้ไม่อายคน

@ ไม่เมาเหล้าหรอกแต่เรายังเมารถ   สุดสะกดห้ามจิตคิดฉงน

ขับเอง เมาเอง เอ้อ แปลกคน   โทษถนนที่โค้งคดรันทดใจ

ซ้ายเป็นผาขวาเป็นน้ำจำให้เคร่ง   ขวาคันเร่งซ้ายก็เบรคอย่าเฉไฉ

รถเลี้ยวซ้ายท้ายปัดขวาผวาไป   เผลอพลาดไซร้ไร้จริตชีวิตหมด

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจถนน   มันวกวนลึกล้ำเหลือกำหนด

แก่งคุดคู้ ที่โค้งเคี้ยวและเลี้ยวลด   ยังไม่คดเช่นดั่งน้ำคำใคร

@ ที่ เชียงคาน มีเรือนเรียงเคียงตลิ่ง   แพลอยนิ่งริมโขงผูกโยงสาย

หมอกจางจางยามเช้าสัมผัสกาย   ดาวพร่างพรายยามค่ำคืนชื่นกมล

อยากหอบเอาความขมขื่นทิ้งลงโขง   ปล่อยไหลลงไหลลับเลิกสับสน

แต่ความจริงยากนักชักอับจน   เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย

อยู่ เชียงคาน ค้างสองคืนใจคลายวุ่น   สี่ล้อหมุนเดินทางต่ออย่ารอเฉย

ลมยังโบกน้ำยังไหลไม่พักเลย   สระเอยลงยากลำบากจัง

@ อ้าว..เมือง เลย ผ่านเลยไม่เคยถึง   เอื้อมมือดึงแผนที่มาคลี่กว้าง

ผ่านตอนไหน เอ๊ะ หรือเราหลงทาง   อยู่ข้างหลังผ่านแล้ว เลย เลยช่างมัน

เห็น ภูเรือ เป็นเรือน้อยที่ลอยล่อง   เทียวทั่วท่องทางไกลเหมือนใจฝัน

จะนั่งรถล่องเรือไม่ต่างกัน   สู่คืนวันที่หมายปองด้วยสองมือ

วังสะพุง อยู่ที่ใดใครรู้บ้าง   อยู่ข้างข้างวังสะเอวนั่นน่ะหรือ

ตรงใจกลางนั้นคงเรียกวังสะดือ   ข้างหลังคือวังสะโพกโศกหัวใจ

ตั้งตระหง่านตรงหน้า ผานกเค้า แล้วนกเรานั้นเล่าอยู่แห่งไหน

นกของฉัน นกของเธอ นกของใคร   นกเค้าไซร้มิใช่นกตัวเอง

ภูกระดึง คิดถึงเคยเดินท่อง   มีเราสองเคียงคู่ดูเหมาะเหม็ง

กระซิบคำบอกกล่าว“เค้ารักตะเอง”   ยินบทเพลงรักห่มเราหนาวก็คลาย

@ ผ่านทางโค้งถนนแคบเจ็บแปลบร้าว   ภาพเก่าเก่าย้อนคืนมิห่างหาย

อดีตแสนสวยงามบ่จางไป   ยามนี้กลับมาทำร้ายใจลำเค็ญ

ภูผาม่าน มีม่านฝนถนนฉ่ำ   โปรยหยดน้ำอำพรางทางไม่เห็น

เปิดใบพัดปัดกระจกน้ำกระเซ็น   ที่แท้เป็นน้ำตาเราเศร้าฤดี

ถึง น้ำหนาว หน้านี้พี่หนาวหนัก   คนเคยรักแนบเนามาหน่ายหนี

พี่ถนอมนวลน้องมานานปี   น้องหลบรี้พี่ระทมตรมอุรา

ถึง หล่มสัก ฉันมีรักมักติดหล่ม  รสรักขมยังคิดถึงคนึงหา

เฝ้ารอคอยรักแท้เดินทางมา  แม้รู้ว่าความหวังยังยาวไกล

@ จงทราบความตามเล่าดังกล่าวสิ้น   อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน

นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ     จึงร่ำไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอยฯ

ลมบก // ธันวาคม 2553

*เนื้อความบางส่วนดัดแปลงจากคำกลอนของสุนทรภู่

แผนที่ประกอบนิราศ


 

No Comments on นิราศเลยเถิด

บันทึกหมายเลข 105 June 24, 2011

วันที่ 5 เมษายน 2554 เวลาประมาณ 18.00 น.  ถึง 19.45 น. บนทางหลวงหมายเลข 105 ช่วงอุทยานแห่งชาติแม่เมยถึงอำเภอสบเมย ขอบันทึกไว้ว่า เป็นการขับรถที่ระทึกใจที่สุด ตั้งแต่ขับรถเดินทางมา 7 ปี

…………………

ทางหลวงหมายเลข 105 คือถนนเลียบลำน้ำเมย ตามตะเข็บชายแดนพม่า เริ่มต้นจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ผ่านอำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง อำเภอสบเมย และสุดปลายทางที่ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร

ถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับเส้นทางสุตฮิตหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่คนนิยมไปพิชิตโค้งกัน

ถ้ำแม่อุสุ นั้นอยู่ในเขตอำเภอท่าสองยาง ก็อยู่ประมาณกลางๆ ของถนนเส้นนี้

ผมเริ่มจากต้นทางตัวอำเภอแม่สอดเมื่อตอนสายๆ ขับรถเรื่อยๆเรียงๆมา แวะถ่ายภาพที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงในอำเภอแม่ระมาด ผมไม่รีบร้อนเดินทางนักเพราะถ้ำแม่อุสุ เป้าหมายของผมในวันนี้ จะสวยงามที่สุดในช่วงเวลาประมาณบ่ายสองถึงบ่ายสามโมง แสงของแดดยามบ่ายจะส่องผ่านยอดไม้ ลอดเป็นลำเข้ามาภายในถ้ำ กระทบกับเกล็ดใสที่เกาะอยู่ตามหินงอก หินย้อย เกิดเป็นประกายระยิบระยับ

หลังจากนั้น ผมก็ตั้งใจจะไปค้างคืนที่ อำเภอแม่สะเรียง เพื่อเดินทางต่อไปเมืองแม่ฮ่องสอนในวันรุ่งขึ้น

ผมออกจากถ้ำแม่อุสุ ประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ  ระหว่างทางเห็นทางแยกขวาขึ้นเขาเพื่อไปอุทยานแห่งชาติแม่เมยเป็นระยะทาง 24 กิโลเมตร เมื่อประเมินแล้วคิดว่าน่าจะมีเวลาพอ และอยากได้ภาพแดดช่วงเย็นๆจากมุมสูงก็เลยเลี้ยวเข้าไป

บนม่อนกิ่วลมและม่อนพูนสุดา จุดที่ได้ชื่อว่ามีทะเลหมอกสวยมากที่สุดจุดหนึ่งของประเทศ วันนี้มีแต่ควัน เพราะเกิดไฟป่าที่พื้นที่ข้างล่างหลายจุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในเรื่องของฤดูกาล ผมยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า

“เอ้อ แปลกดี คนอื่นมาดูทะเลหมอก แต่เรามาเห็นทะเลควัน”

ลงจากม่อน ย้อนกลับมาถึงทางหลวงหมายเลข 105 อีกที ก็เกือบๆ 6 โมงเย็น ยังเหลือระยะทางอีกประมาณ 120 กิโลเมตร เพื่อไปให้ถึง อำเภอแม่สะเรียงอย่างที่ตั้งใจไว้ ผมประเมินว่าใช้แสงสุดท้ายของวันแบบสลัวๆส่องทางไป แล้วน่าจะไปมืดสนิทใกล้ๆปลายทาง ไม่น่าจะมีปัญหา

..แต่ผมคิดผิด

นอกจากความคดเคี้ยว ขึ้น-ลง ของถนน ที่เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ผมพบว่ามีการก่อสร้างเพื่อขยายถนนเป็นช่วงยาวนับสิบกิโลเมตร ลัดเลี้ยวไปตามไหล่เขา ถนนตอนนี้เป็นสภาพดินลูกรังอัด และไม่มีขอบเขตของถนนที่ชัดเจน ข้างหนึ่งคือผาดินแดงๆ ที่เพิ่งตัดใหม่ๆ อีกข้างหนึ่งคือหุบเขาที่สลัวเกินจะประเมินว่าลึกแค่ไหน ฝุ่นถนนสีแดงตุ่นๆ คลุ้งปกคลุมตลอดเส้นทาง

ฟ้าหลังจากพระอาทิตย์ตกนั้นครึ้มเป็นสีเทาเข้ม และค่อยๆ มืดลงเรื่อยๆ

เมื่อพ้นเขตก่อสร้าง จากถนนดินแดงกลายเป็นถนนลาดยางเก่าๆ แคบๆลัดเลาะเข้าไปในป่าของอุทยานแห่งชาติแม่เงา

สภาพถนนแย่ คดเคี้ยว มืด เปลี่ยว มีดินและหิน ถล่มมาขวางถนนเป็นระยะๆ มีไหล่ทางทรุดลงไปเป็นเหวบ้างประปราย มีร่องรอยการแหกโค้งของผู้มาก่อนไว้เตือนใจ และเส้นทางนี้ก็เคยมีประวัติโจรกะเหรี่ยงดักปล้นรถนักท่องเที่ยวมาแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ควันไฟป่าที่ผมถ่ายรูปเอาสวยบนม่อนกิ่วลม ขณะนี้มันล้อมอยู่รอบๆผม เปลวไฟที่มีให้เห็นเป็นแนวอยู่ตามรายทางนั้นผมไม่กลัวหรอก เพราะรู้ว่ามันจะไม่ลามมาถึงถนน แต่ควันไฟผมห้ามไม่ให้มันบังทางไม่ได้

มันเป็นความรู้สึกที่ใจไปไวกว่ารถ

เราอยากจะผ่านช่วงนี้ไปให้ไวที่สุด แต่ทุกครั้งที่เข้าโค้งแล้วรู้สึกว่ารถแฉลบ ยากจะควบคุม เราก็ต้องยอมผ่อนความเร็วลง

ตั้งแต่ออกจากแยก อุทยานแห่งชาติแม่เมย มาจนสุดอุทยานแห่งชาติแม่เงา เป็นระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตร มีรถยนต์วิ่งสวนผมไปทั้งสิ้น 6 คันถ้วน ผมตัดสินใจว่าไม่ไปถึงแม่สะเรียงแล้ว เดี๋ยวรอดูว่า ที่ตำบลแม่เงากับที่อำเภอสบเมย ที่ไหนมีที่พักผมจะแวะค้างตรงนั้นเลย

แม่เงา เป็นเพียงหมู่บ้านกะเหรี่ยง ผมผ่านไปและหวังว่าตัวอำเภอสบเมยน่าจะมีที่พัก

ถึงสบเมย หนึ่งทุ่มสี่สิบห้า

พ้นเขตป่ามาแล้ว แต่ควันของไฟป่ายังปกคลุมถนนสายหลักอยู่ ตรงจุดที่สว่างที่สุด มีเพียงทหารเฝ้าด่านตรวจริมทาง สองคนให้ผมได้ขอความช่วยเหลือ ผมสอบถามหาที่พักในตัวอำเภอสบเมย

“สบเมย มีเกสต์เฮ้าส์ที่เดียว มีอยู่ไม่กี่ห้อง คุณไปพักที่แม่สะเรียงเถอะครับ อีกยี่สิบห้ากิโล ถนนไม่โหดอย่างที่ผ่านมาหรอก”

ใช่ ถนนช่วงสบเมยถึงแม่สะเรียง ไม่โหดเท่าช่วงก่อนหน้านั้น แต่ถ้าเทียบกับถนนทั่วๆไปก็ยังถือว่าโหดมากอยู่ดี สิ่งที่ดีกว่าเท่าที่รู้สึกได้ก็คือ มีชุมชนอยู่ริมถนนค่อนข้างต่อเนื่องให้ได้อุ่นใจ

ถึงแม่สะเรียง ตอนสองทุ่มยี่สิบนาที

ผมแวะปั้มนำมันใหญ่ในตัวอำเภอ ถอนหายใจยาว ตั้งสติ เอาน้ำเย็นลูบหน้าเพื่อคลายความเครียด แล้วขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อหาที่พักและอาหารมื้อเย็นควบมื้อกลางวัน นาทีนี้ไม่มีใจจะเลือกแล้ว ที่ไหนก็นอนได้ อาหารอะไรก็กินอร่อยทั้งนั้น

สำหรับนักเดินทาง Road Trip วงตัวแดงๆไว้เลยนะครับ

“ทางหลวงหมายเลข 105 หลังพระอาทิตย์ตก และขณะฝนตก ห้ามผ่านโดยเด็ดขาด”

 

1 Comment on บันทึกหมายเลข 105

ขับ-ถ่าย ทั่วไทย MV May 23, 2011

บันทึกการเดินทาง ระหว่างวันที่ 27 มี.ค.54 – 20 พ.ค.54
# เพลงประกอบ :: นักเดินทาง / ภูเขา ทะเล ; ศุ บุญเลี้ยง
# ถ่ายภาพ/กำกับภาพ :: ‘ลมบก’

1 Comment on ขับ-ถ่าย ทั่วไทย MV

ขับ-ถ่าย ทั่วไทย March 31, 2011

‘ลมบก’ สร้างสรรค์ – ‘ฮิกาซีน’ ชักใย สุมหัวกันจรรโลงโครงการใหม่
–40 วัน On the road..ขับ-ถ่าย ทั่วไทย
สนับสนุนโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามแนวคิด

‘เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน’

ด้วยพันธะสัญญาว่า จบทริปแล้วจะมี-ของ-มาฝากอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน

กำหนดการเบื้องต้นประมาณนี้
27 มี.ค.-30 มี.ค. :: ตะวันออก (ระยอง จันทบุรี ตราด)
31 มี.ค-3.เม.ย. :: อิสานตอนล่าง (โคราช บุรีรัมย์ อุบลฯ)
4 เม.ย.-7 เม.ย. :: เหนือตอนล่าง (นครสวรรค์ ตาก แม่ฮ่องสอน)
8 เม.ย. -14 เม.ย. :: เหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย น่าน)
15 เม.ย.-19 เม.ย. :: อิสานตอนบน (เลย หนองคาย นครพนม)
20 เม.ย.-22 เม.ย. :: อิสานกลาง (ขอนแก่น ชัยภูมิ)
23 เม.ย.- 24 เม.ย. :: กรุงเทพฯ
25 เม.ย.-3 พ.ค. :: ใต้ตอนล่าง (ภูเก็ต กระบี่ สตูล สงขลา)
2 พ.ค.-5 พ.ค. :: ใต้ตอนบน (ระนอง ประจวบ เพชรบุรี)

จึงประกาศไว้ต่อสาธารณะชน เพื่อให้อิจฉาโดยทั่วกัน
และเป็นแรงกดดันให้เบี้ยวไม่ได้

ป.ล.1 ติดตามการรายงานเป็นระยะๆ จาก pageนี้ หรือ twitter @lombog (ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะขยันรายงานแค่ไหน)
ป.ล.2 กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ข้างหน้า
ป.ล.3 ญาติมิตรที่พำนักอยู่ต่างจังหวัด ถ้าโอกาสเหมาะเราจะติดต่อไปหาเพื่อป๊ะกัน
ป.ล.4 ญาติมิตรที่มีโปรแกรมจะไปเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวก็ติดต่อมาเพื่อป๊ะกันได้ตลอดทริป
ป.ล.5 เปิดรับคำแนะนำสำหรับที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ตามรายทางจากทุกท่าน ที่อ่านมาถึงตรงนี้
ป.ล.6 จะปอลอ ทำไมกันเยอะแยะ

No Comments on ขับ-ถ่าย ทั่วไทย